เวชกรรมไทย
พระอาจาร์หมอชีวกโกมารภัจจ์
ผู้เป็นแพทย์หลวง และได้ประสาทวิชาแพทย์
เวชกรรมไทย เล่ม 2
เกิดในชิ้นเนื้อ เรียก โรคเรื้อน รักษายากนัก แต่พอมีโอกาสหาย หากเกิดในกระดูกเรียก กุฏฐัง เป็นอติสัยโรครักษายากนัก บางตำราว่ารักษาไม่หาย ว่าด้วยสมุฎฐานหรือสาเหตุ แหล่งที่เกิดของโรคมี 7 ประการ
1. บังเกิดแต่กองปถวีธาตุ
ทำให้เมื่อยในข้อกระดูก ในเส้นเอ็นน้อยใหญ่ ให้ผิวเนื้อสากชา เริ่มขึ้นที่ใบหูก่อน เป็นดุจมดตะนอยต่อย แล้วบวมไปที่หน้า บวมไปทั้งตัวดุจดังหนังแรด นานเข้าทำให้นิ้วมือนิ้วเท้าบวม แล้วแตกเป็นน้ำเหลืองเน่า กุดกินเข้าไป
2. บังเกิดแต่กองอาโปธาตุ
ด้วยโลหิตและน้ำเหลือง กำเริบ หย่อน พิการ ระคนกัน ให้เสียวไปในชิ้นเนื้อและผิวหนัง บางทีเขม่นในเส้นเอ็นและผิวหนัง หากจะขึ้นที่ใดก็เขม่นที่นั้นก่อน แล้วผุดขึ้นมาดังเม็ดถั่วเม็ดงา ค่อยเจริญขึ้นเท่าใบส้มป่อย ใบมะขาม ใบพุทรา ให้ผิวเนื้อนั้นชา ให้เป็นเหน็บชา ผิวเนื้อนวลดุจน้ำเต้า ทั่วไปจึงเรียก “เรื้อนน้ำเต้า” นานเข้าก็ให้เมื่อยแล้วบวมนิ้วมือนิ้วเท้า บวมทุกข้อกระดูกต่อกัน แล้วเปื่อยลามออกเป็นน้ำเหลืองกินกุดเข้าไปทั้งนิ้วมือนิ้วเท้า และใบหูก็หนาขึ้น ผิวหน้าเหมือนผิวมะกรูด ผิวขาวแต่ไม่แดง รักษายาก
3. บังเกิดแต่กองวาโยธาตุ
วาโยกำเริบ หย่อน พิการพัด ซ่านเข้าไปตามผิวเนื้อผิวหนัง ทำให้เนื้อแข็งเป็นข้อขอดเป็นเม็ด เท่าผลพุทรา ผลมะกรูด ผลมะนาว ให้หนังเนื้อเป็นเหน็บชา ต่อมาแตกเป็นขุมๆเปื่อยเน่าเหม็น กินจนกระดูกผุด้วน เรียกว่า เรื้อนมะกรูด เป็นอสาทิยโรค
4. บังเกิดแต่กองเตโชธาตุ
ทำให้เมื่อยทั่วสรรพางค์กาย สะบัดร้อนสะท้านหนาวดุจเป็นไข้ แล้วผุดแดงเป็นเม็ด สัณฐานดุจประดงเพลิง เป็นๆหายๆอยู่ 2-3 ครั้ง แล้วขึ้นจับที่หูก่อน ให้ใบหูหนาและผุดแดงเป็นผื่นดังมดตะนอยกัด แล้วลามขึ้นแก้มและหน้าผากและลามทั่วตัวดุจเพลิง นานเข้าทำให้ตัวพอง ดุจเพลิงไหม้ แล้วจึงกุดลามกระดูกคุด รักษายาก
6. เกิดด้วยสามัคคีรส คือเกิดจากผู้ที่กินอยู่หลับนอนด้วย
1. เรื้อนกวาง เกิดตามข้อมือข้อเท้า และกำด้นต้นคอ ทำให้เป็นน้ำเหลืองลามออกไป ใส่ยาแล้วแห้ง บางทีหายขาด บางทีไม่หาย
2. เรื้อนมูลนก ผุดเป็นแว่นวงตามผิวหนัง สีขาวนุงๆ ขอบนูนๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง คล้ายกลาก ทำให้คัน นานเข้าลามทั่วตัว
3. เรื้อนวิมาลา ขึ้นที่หูและกำด้นต้นคอ ให้เปื่อยพุพองให้คัน คล้ายมะเร็งไร ยิ่งเกายิ่งคัน ใส่ยาแล้วให้แสบร้อนตามที่เกา
4. เรื้อนหูด ผุดเป็นตุ่มๆทั่วตัว เท่าเม็ดพริกไทย ผลถั่วดำ ตะขบไทย มะนาว มะกรูด เต็มทั่วตัว มีอาการเมื่อยมึนไปทั้งตัว เป็นพยาธิกามโรค รักษาไม่หาย อยู่จนสิ้นอายุขัย เวลานั้นพยาธิก็แตกออกทุกยอด เปื่อยเน่าเหม็น
5. เรื้อนเกล็ดปลา เกิดที่หน้าก่อน แล้วลามถึงต้นคอลงมาถึงทรวงอก ลามเป็นเกล็ดทั่วตัว สัณฐานผิวดำ
6. เรื้อนบอน ผุดเป็นรูปรุ มองเห็นไม่ชัด เห็นเพียงเป็นขาวๆแดงๆ ในเนื้อรำไร
7. เรื้อนหิด ขึ้นทั่วตัว แล้วลามไป ดุจคนเป็นกลาก
8. เรื้อนดอกหมาก ผุดขึ้นเป็นขาวๆคล้ายดอกหมาก เมื่อเหงื่อออกจะทำให้คัน เกาจนน้ำเหลืองซึม จึงหายคัน
9. เรื้อนมะไฟ ขึ้นเป็นเกล็ดแดง ขอบขาว ใหญ่เท่าผลมะไฟ ทำให้ร้อนดุจถูกไฟ ให้พองขึ้นมา
1. ยาชำระน้ำเหลือง
ส่วนประกอบ ขี้เหล็กทั้ง 5 จตุผลาธิกะ ใบมะกา หัวแห้วหมู รากตองแตก บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย โกฐน้ำเต้า สิ่งละ 5 บาท ยาดำ 1 บาท เถาวัลย์เปรียงสด เทียนทั้ง 5 สิ่งละ 2 สลึง ฝักราชพฤกษ์ 5 ฝัก
สรรพคุณ ชำระน้ำเหลืองเสีย
2. ยาแก้พยาธิเกิดตามผิวหนัง
ส่วนประกอบ รากทองพันชั่ง กระเทียม ลูกสะบ้าเลือด เม็ดลำโพง เม็ดกระเบียน เม็ดกระเบา พริกไทยล่อน คางคกตายซากเผา
วิธีทำ บดผง ละลายน้ำมันยาง หรือน้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว
3. ยาแก้เม็ดผื่นคัน
ส่วนประกอบ ใบสำมะงา 8 ส่วน ใบเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน
วิธีทำ ต้มเข้าด้วยกัน ใส่ถังแช่ไว้นานๆ
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต
https://phuketthaitraditionalmedicinecenter.blogspot.com/2013/03/blog-post.html
๑. ต้อหมอก ตามัวเป็นฝ้าขาวในตาดำ ตาบวทฃมและปวด
มี ๓ อย่าง
๒. ต้อเกิดที่ตาดำ งอกดุจฟองปลา ให้น้ำตาไหล
เกิดเพื่อริดสีดวง
๓. ต้อแนะ เกิดเพื่อโลหิต ตาแดงน้ำตาไหล ขนตาร่วง
๔. ต้อฝี เกิดจากสันนิบาต ตามังมองแสงไฟไม่ได้
๕. ตาฟางกลางคืน เกิดเพื่อกำเดา
๑๑. ต้อหมอก เห็นเป็นวงกลม เป็นเงาอยู่กลางตาดำ
๑๓. ต้อกระจก มองเห็นเป็นใยขาวผ่านตาดำ ร้อนฝ่าเท้า
เป็นอยู่ ๑๕ วันใยขาวจะกลบตาดำ มีสีเหลืองตรงจุดกลาง
๑๔. ต้อหิน ตามัว มองเป็นก้อนขาวเป็นเงาๆ อยู่กลางตาดำ
๑๕. ต้อกระจก ๗ ประการ คือ ต้อนิลกระจก ต้อกระจกนกยูง
ต้อกระจกหลังเบี้ย ต้อกระจกปรอท ต้อกระจกหิ่งห้อย
ต้อกระจกแดง ต้อกระจกขาว อาการ เป็นลมที่ฝ่าเท้า
เมื่อตั้งแต่เท้าถึงคอ เป็นอยู่ ๒-๓ ปี แล้วปวดศีรษะ
ต่อมาจึงมีจุดขึ้นที่ตาดำ
๑๖. ต้อมะเกลือ เกิดเพื่อดี เป็นตรีโทษ ลูกตาดำเป็นจุด
ดังผิวมะกรูด
๑๗. ต้อไฟ ในลูกตาแดงดังผลมะกล่ำ ปวดเคืองมาก
เป็นเอกโทษ เกิดเพื่อนอนมาก
๑๘. ต้อหูด เกิดเพื่อโลหิตและลม ลูกตาดำเป็นจุดขาวแข็งดุจกระดูก และพองออกมา
๑๙. ต้อสีผึ้ง เป็นขาวๆ อยู่รอบตาดำ รักษายาก
๒๐. ต้อข้าวสาร เป็นจุดขาวแหลมนูน คล้ายเม็ดข้าวสารอยู่กลาง
ตาดำ ปวดแสบ เคือง ในลูกตามาก
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต
https://phuketthaitraditionalmedicinecenter.blogspot.com/2013/03/blog-post.html
คัมภีร์มุขโรค เป็นโรคที่เกิดในปากในคอ เป็นเพราะโลหิต มี ๑๙ ประการดังนี้
๑. ทานะสา ใต้ลิ้นงอก ขึ้นมาเหมือนเดือยไก่ ทำให้กลืนน้ำลาย
ลำบาก
เหมือนเมล็ดข้าว โพด เป็นอย่างงวงช้าง เป็นตออยู่
ยาแก้โรคในปากในคอ
โกฐกระดูก โกฐสอ โกฐจุฬาลัมพา พิษนาศน์ ข่าตาแดง ราก
แตงนก เจตพังคี ลูกสมี เมล็ดมะกล่ำตาช้าง ดอกจันทน์ การบูร
( ท่องย่อ ดูก สอ ลัมพา / นาค ข่าแดง แตงนก / พังคี สมี
ตาช้าง / ดอก จันทน์ การบูร/ )
ใช้ส่วนเสมอภาค บดเป็นผงแล้วแล้วเอาเถาหญ้านาง หญ้างวง
ช้าง หัวกล้วยตีบ กาฝาก มะม่วง เผาแช่
เอาน้ำด่าง ต้มให้น้ำด่างสุก แล้วเอายาผงใส่ลงในน้ำด่าง อย่า
ให้ไหม้ ต้มแต่พอปั้นได้ ปั้นเท่าเม็ดพริกไทย แทรกชะมด
พิมเสนให้กินกับหมาก
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต
https://phuketthaitraditionalmedicinecenter.blogspot.com/2013/03/blog-post.html
No comments:
Post a Comment